พูดคุยกับเเขกรับเชิญ
นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์
อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
ติดตามได้ที่
- Facebook Live: เพจข่าวจริงประเทศไทย
- NBT2HD
พูดคุยกับเเขกรับเชิญ
นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์
อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
ปีนี้ ไทยเป็นเจ้าภาพประชุมความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (บิมสเทค) ระหว่างปี 2565 – 2566 ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลกเป็นผลพวงจากสงครามยูเครน และเป็นความพยายามฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการระบาดของโรคโควิด-19
สิ่งเหล่านี้เป็นความท้าทายต่อการทำหน้าที่ประธานบิมสเทคของไทย ที่มีความมุ่งมั่นสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้กับอนุภูมิภาค ขับเคลื่อนขีดความสามารถ ฉายภาพบทบาทของไทยมากขึ้นในสายตาโลก
“เชิดชาย ใช้ไววิทย์” อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ไทยไม่ได้รับทำหน้าที่ประธานบิมสเทคเพียงอย่างเดียว แต่ยังรับความท้าทายรอบด้าน เพราะมีความตั้งใจให้บิมสเทคเป็นกลุ่มความร่วมมือที่มีความทันสมัย และตอบสนองสถานการณ์ปัจจุบัน
ประชุมผู้นำบิมสเทคเดือนพ.ย.
กระทรวงการต่างประเทศกำหนดไว้จะจัดประชุมผู้นำบิมสเทคในวันที่ 30 พ.ย.นี้ แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวจะต้องได้รับการยืนยันจากประเทศสมาชิกบิมสเทคและแสดงฉันทามติจนครบทุกประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเชิญประเทศพันธมิตรนอกภูมิภาคที่มีบทบาทสำคัญกับเศรษฐกิจบิมสเทคให้มาร่วมประชุมผู้นำบิมสเทคในปลายปีนี้ด้วย ขึ้นอยู่กับไทยในฐานะประธานจะพิจารณาตามความเหมาะสม
ชี้จุดอ่อนบิมสเทค
ถึงอย่างไร หากการเมืองไทยยังไม่ชัดเจน และไม่อาจจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ อาจทำให้กระทรวงการต่างประเทศมองทางเลือกอื่น เช่นเลื่อนการประชุมออกไปเป็นต้นปีหน้า แต่เชื่อว่า ภายในเดือน ส.ค.จะมีความชัดเจนขึ้น
ส่วนจุดอ่อนความร่วมมือบิมสเทค เชิดชาย มองว่า บิมสเทคเผชิญสถานการณ์ในภูมิภาค 3 เรื่องใหญ่ ซึ่งที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคอย่างไม่เป็นทางการได้พูดคุยกันแบบตรงไปตรงมา ได้แก่ สถานการณ์การเมืองเมียนมา วิกฤติเศรษฐกิจศรีลังกา การแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์และผลพวงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบมายังกลุ่มบิมสเทค ล้วนเป็นความท้าทายไทยในฐานะประธาน และรุมเร้าสมาชิกมาตลอด 2 ปี
ปฏิบัติจริง ไม่ใช่พิธีกรรม
“ดังนั้นไทยจะผลักดันแนวคิดที่จะปูพื้นฐานบิมสเทคให้แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักในระดับโลกมากขึ้น ตามที่ได้ร่างในเอกสารวิสัยทัศน์บิมสเทคกรุงเทพฯ (BIMSTEC Bangkok Vision 2030) และเพื่อให้ปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่พิธีกรรมของการพบปะกัน จึงให้จัดตั้งเจ้าหน้าที่คณะทำงานในหัวข้อความร่วมมือในสาขาต่างๆ ของบิมสเทค และให้ดำเนินงานทันที” เชิดชาย กล่าว
ส่วนเอกสารวิสัยทัศน์ฯ จะมีเนื้อหาเน้นการขจัดความยากจน ลดช่องว่างรายได้ เสริมสร้างความเข้มแข็งทางอาชีพ ส่งเสริมศักยภาพสินค้าเกษตร ความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน เพิ่มพื้นที่สีเขียว และลดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เป็นต้น โดยทั้งหมดนี้เป็นการชูบทบาทกลุ่มความร่วมมือบิมสเทคให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
เชื่อมขนส่งทางเรืออ่าวเบงกอล
ในปีที่ไทยเป็นประธานยังจัดให้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือขนส่งสินค้าทางทะเล ซึ่งมีความพิเศษตรงที่อนุญาตให้บรรทุกสินค้าได้สูงถึง 30,000 เมตริกตัน เชื่อมโยงท่าเรือ 13 แห่งในภูมิภาคบิมสเทคเข้าด้วยกัน เช่น ท่าเรือระนอง จิตตะกอง เจนไน โคลอมโบ โดยขณะนี้การร่างถ้อยคำที่ระบุในเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว และขั้นตอนต่อไปเป็นการให้ผู้นำบิมสเทคลงนามในปลายปีนี้
“กระทรวงการต่างประเทศมองเห็นโอกาสในข้อตกลงความร่วมมือขนส่งสินค้าทางทะเล จะส่งเสริมการส่งออกสินค้าสำคัญๆของไทยไปยังประเทศสมาชิกมากขึ้น ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เหล็ก ปาล์มและอัญมณี”เชิดชายกล่าว และชี้ว่า อินเดียมีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก หรือมากกว่า 1 ใน 5 ของประชากรโลก ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของประเทศสมาชิิกบิมสเทครวมกันที่ 4.5% ก่อนหน้าการระบาดใหญ่จึงเชื่อมั่นว่า บิมสเทคจะเติบโตสูงสุดในเอเชีย
นทท.บิมสเทค ชอบเที่ยวไทย
ในช่วง ม.ค. – มี.ค. มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทยทั้งหมด 12,914,691 คน เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศสมาชิกบิมสเทค 8% มาจากอินเดีย 5.9% ซึ่งเป็นอันดับ 5 รองจากมาเลเซีย จีน รัสเซีย และเกาหลีใต้
ที่ผ่านมา มีการจัดประชุมระดับเจ้าหน้าที่เพื่อปูทางไปสู่การประชุมผู้นำบิมสเทค โดยประเทศสมาชิกเห็นตรงกันว่า เทคโนโลยีเอไอจะช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจไหลเวียนและเชื่อมโยงกันมากขึ้น การพัฒนาระบบการชำระเงินข้ามแดน การจัดการข้อตกลงด้านการค้าอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมระหว่างกัน
เชิดชาย กล่าวทิ้งท้ายว่า โจทย์ท้าทายไทย ทำอย่างไรให้บิมสเทคมีตัวตนและอยู่ในเรดาร์โลก แต่เชื่อว่า การผลักดันความสามารถของกลุ่มคนรุ่นใหม่ จะสามารถฉายภาพเอกลักษณ์ความเป็นบิมสเทคให้ชัดเจนมากขึ้นได้
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายดอน ปรมัตถ์วินัย) นำคณะรัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทค เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคอย่างไม่เป็นทางการ (BIMSTEC Foreign Ministers’ Retreat) ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2566
รายการ “MFA Update” ทาง FM 88 MHz ออกอากาศวันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.15 – 09.30 น.
“BIMSTEC and Thailand’s Opportunities”
Interview Mr. Cherdchai Chaivaivid,
Director-General of Department of International Economic Affairs
รายการ บันทึกสถานการณ์ วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 FM 92.5 MHz / AM 891 KHz
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
สัมภาษณ์ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
เรื่อง..ความร่วมมือภายใต้กรอบ BIMSTEC เพื่อคนไทย
เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคอย่างไม่เป็นทางการ (BIMSTEC Retreat) เป็นครั้งแรกที่กรุงเทพ โดยประเทศสมาชิกบิมสเทคทั้ง ๗ ประเทศ ได้แสดงความมุ่งมั่นอีกครั้งหนึ่งที่จะเสริมสร้างให้บิมสเทคเป็นประชาคมที่เข้มแข็ง ยืดหยุ่น และมีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น ในโอกาสนี้ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นประธานการประชุมดังกล่าวและประเทศสมาชิกที่เข้าร่วม ประกอบด้วย บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย เมียนมา เนปาล และศรีลังกา
รัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคได้ชื่นชมว่าการประชุมฯ ครั้งนี้เป็นประโยชน์ และเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนความเห็นต่าง ๆ อย่างเป็นกันเอง รวมทั้งเห็นพ้องถึงความจำเป็นที่จะส่งเสริมให้กรอบการดำเนินงานและกลไกความร่วมมือต่าง ๆ ของบิมสเทคมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อความเจริญเติบโตและความมั่งคั่งของภูมิภาค นอกจากนี้ ได้มีการหารือประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นข้อห่วงกังวลร่วมกันด้วย
ประเทศสมาชิกเห็นพ้องร่วมกันถึงความสำคัญของการสร้างกลไกในการตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ต่าง ๆ เพื่อประสานงานในภาวะฉุกเฉินตามสถานการณ์ที่แตกต่างกัน และได้หารือในประเด็นสำคัญต่าง ๆ เกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร สาธารณสุข พลังงาน และการเงิน รวมถึงความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ได้มีการพิจารณาที่จะจัดตั้งระบบการชำระเงินดิจิทัลระหว่างประเทศสมาชิกบิมสเทค รวมทั้งการส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ และการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ
รัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคได้ย้ำถึงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการประสานงานในประเด็นระดับโลกและประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสหประชาชาติ ประกอบด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความเชื่อมโยงโครงข่ายไฟฟ้าบิมสเทค เทคโนโลยีด้านการเกษตร ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนเยาวชน และการฝึกอบรมด้านการทูต
รัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทครู้สึกยินดีเมื่อได้รับทราบถึงความคืบหน้าของการจัดตั้งคณะผู้ทรงคุณวุฒิว่าด้วยการกำหนดทิศทางของบิมสเทคในอนาคต เพื่อกำหนดแผนดำเนินการขององค์กร บนพื้นฐานของผลประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศสมาชิกและประชาชน
รัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคเห็นพ้องที่จะจัดการประชุมฯ อย่างไม่เป็นทางการ เป็นประจำ โดยหากเป็นไปได้ จะจัดในช่วงไตรมาสแรกของทุกปี ทั้งนี้ อินเดียได้เสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีบิมสเทคครั้งต่อไปในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติในเดือนกันยายน ๒๕๖๖
ทั้งนี้ ไทยเป็นประธานบิมสเทคหรือกรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation) วาระปี ๒๕๖๕ – ๒๕๖๖ ภายใต้แนวคิดการเสริมสร้างบิมสเทคสู่การเป็นภูมิภาคที่มั่งคั่ง (Prosperous) ยั่งยืน ฟื้นคืน (Resilient) และเปิดกว้าง (Open) หรือ “PRO BIMSTEC” ภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๐
443 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
บังกลาเทศ
ภูฏาน
อินเดีย
พม่า
เนปาล
ศรีลังกา
ไทย