พบกับประเด็น: ความท้าทายภาคธุรกิจสู่การคว้าโอกาสใน BIMSTEC

พูดคุยกับเเขกรับเชิญ
นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์
อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ

ติดตามได้ที่

นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศเรื่อง วิกฤติเศรษฐกิจโลก – เมียนมา ท้าทาย ‘ไทย’ เจ้าภาพบิมสเทค ผ่านช่องทาง สำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ

ปีนี้ ไทยเป็นเจ้าภาพประชุมความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (บิมสเทค) ระหว่างปี 2565 – 2566 ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลกเป็นผลพวงจากสงครามยูเครน และเป็นความพยายามฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการระบาดของโรคโควิด-19 

สิ่งเหล่านี้เป็นความท้าทายต่อการทำหน้าที่ประธานบิมสเทคของไทย ที่มีความมุ่งมั่นสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้กับอนุภูมิภาค ขับเคลื่อนขีดความสามารถ ฉายภาพบทบาทของไทยมากขึ้นในสายตาโลก  

“เชิดชาย ใช้ไววิทย์” อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ  กล่าวว่า ไทยไม่ได้รับทำหน้าที่ประธานบิมสเทคเพียงอย่างเดียว แต่ยังรับความท้าทายรอบด้าน เพราะมีความตั้งใจให้บิมสเทคเป็นกลุ่มความร่วมมือที่มีความทันสมัย และตอบสนองสถานการณ์ปัจจุบัน 

ประชุมผู้นำบิมสเทคเดือนพ.ย.

กระทรวงการต่างประเทศกำหนดไว้จะจัดประชุมผู้นำบิมสเทคในวันที่ 30 พ.ย.นี้ แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวจะต้องได้รับการยืนยันจากประเทศสมาชิกบิมสเทคและแสดงฉันทามติจนครบทุกประเทศ 

นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเชิญประเทศพันธมิตรนอกภูมิภาคที่มีบทบาทสำคัญกับเศรษฐกิจบิมสเทคให้มาร่วมประชุมผู้นำบิมสเทคในปลายปีนี้ด้วย ขึ้นอยู่กับไทยในฐานะประธานจะพิจารณาตามความเหมาะสม 

 

ชี้จุดอ่อนบิมสเทค

ถึงอย่างไร หากการเมืองไทยยังไม่ชัดเจน และไม่อาจจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ อาจทำให้กระทรวงการต่างประเทศมองทางเลือกอื่น เช่นเลื่อนการประชุมออกไปเป็นต้นปีหน้า แต่เชื่อว่า ภายในเดือน ส.ค.จะมีความชัดเจนขึ้น

ส่วนจุดอ่อนความร่วมมือบิมสเทค เชิดชาย มองว่า บิมสเทคเผชิญสถานการณ์ในภูมิภาค 3 เรื่องใหญ่ ซึ่งที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคอย่างไม่เป็นทางการได้พูดคุยกันแบบตรงไปตรงมา ได้แก่ สถานการณ์การเมืองเมียนมา วิกฤติเศรษฐกิจศรีลังกา การแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์และผลพวงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบมายังกลุ่มบิมสเทค ล้วนเป็นความท้าทายไทยในฐานะประธาน และรุมเร้าสมาชิกมาตลอด 2 ปี 

 

ปฏิบัติจริง ไม่ใช่พิธีกรรม

“ดังนั้นไทยจะผลักดันแนวคิดที่จะปูพื้นฐานบิมสเทคให้แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักในระดับโลกมากขึ้น ตามที่ได้ร่างในเอกสารวิสัยทัศน์บิมสเทคกรุงเทพฯ (BIMSTEC Bangkok Vision 2030) และเพื่อให้ปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่พิธีกรรมของการพบปะกัน จึงให้จัดตั้งเจ้าหน้าที่คณะทำงานในหัวข้อความร่วมมือในสาขาต่างๆ ของบิมสเทค และให้ดำเนินงานทันที” เชิดชาย กล่าว

ส่วนเอกสารวิสัยทัศน์ฯ จะมีเนื้อหาเน้นการขจัดความยากจน ลดช่องว่างรายได้ เสริมสร้างความเข้มแข็งทางอาชีพ ส่งเสริมศักยภาพสินค้าเกษตร ความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน เพิ่มพื้นที่สีเขียว และลดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เป็นต้น โดยทั้งหมดนี้เป็นการชูบทบาทกลุ่มความร่วมมือบิมสเทคให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

เชื่อมขนส่งทางเรืออ่าวเบงกอล

ในปีที่ไทยเป็นประธานยังจัดให้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือขนส่งสินค้าทางทะเล ซึ่งมีความพิเศษตรงที่อนุญาตให้บรรทุกสินค้าได้สูงถึง 30,000 เมตริกตัน เชื่อมโยงท่าเรือ 13 แห่งในภูมิภาคบิมสเทคเข้าด้วยกัน เช่น ท่าเรือระนอง จิตตะกอง เจนไน โคลอมโบ โดยขณะนี้การร่างถ้อยคำที่ระบุในเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว และขั้นตอนต่อไปเป็นการให้ผู้นำบิมสเทคลงนามในปลายปีนี้ 

“กระทรวงการต่างประเทศมองเห็นโอกาสในข้อตกลงความร่วมมือขนส่งสินค้าทางทะเล จะส่งเสริมการส่งออกสินค้าสำคัญๆของไทยไปยังประเทศสมาชิกมากขึ้น ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เหล็ก ปาล์มและอัญมณี”เชิดชายกล่าว และชี้ว่า อินเดียมีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก หรือมากกว่า 1 ใน 5 ของประชากรโลก ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของประเทศสมาชิิกบิมสเทครวมกันที่ 4.5% ก่อนหน้าการระบาดใหญ่จึงเชื่อมั่นว่า บิมสเทคจะเติบโตสูงสุดในเอเชีย

นทท.บิมสเทค ชอบเที่ยวไทย 

ในช่วง ม.ค. – มี.ค. มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทยทั้งหมด 12,914,691 คน เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศสมาชิกบิมสเทค 8% มาจากอินเดีย 5.9% ซึ่งเป็นอันดับ 5 รองจากมาเลเซีย จีน รัสเซีย และเกาหลีใต้ 

ที่ผ่านมา  มีการจัดประชุมระดับเจ้าหน้าที่เพื่อปูทางไปสู่การประชุมผู้นำบิมสเทค โดยประเทศสมาชิกเห็นตรงกันว่า เทคโนโลยีเอไอจะช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจไหลเวียนและเชื่อมโยงกันมากขึ้น การพัฒนาระบบการชำระเงินข้ามแดน  การจัดการข้อตกลงด้านการค้าอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมระหว่างกัน

เชิดชาย กล่าวทิ้งท้ายว่า โจทย์ท้าทายไทย ทำอย่างไรให้บิมสเทคมีตัวตนและอยู่ในเรดาร์โลก แต่เชื่อว่า การผลักดันความสามารถของกลุ่มคนรุ่นใหม่ จะสามารถฉายภาพเอกลักษณ์ความเป็นบิมสเทคให้ชัดเจนมากขึ้นได้

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายดอน ปรมัตถ์วินัย) นำคณะรัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทค เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายดอน ปรมัตถ์วินัย) นำคณะรัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทค เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคอย่างไม่เป็นทางการ (BIMSTEC Foreign Ministers’ Retreat) ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2566

สัมภาษณ์ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศเรื่อง..ความร่วมมือภายใต้กรอบ BIMSTEC เพื่อคนไทย

รายการ บันทึกสถานการณ์ วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 FM 92.5 MHz / AM 891 KHz
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
สัมภาษณ์ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
เรื่อง..ความร่วมมือภายใต้กรอบ BIMSTEC เพื่อคนไทย

การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคอย่างไม่เป็นทางการ

เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคอย่างไม่เป็นทางการ (BIMSTEC Retreat) เป็นครั้งแรกที่กรุงเทพ โดยประเทศสมาชิกบิมสเทคทั้ง ๗ ประเทศ ได้แสดงความมุ่งมั่นอีกครั้งหนึ่งที่จะเสริมสร้างให้บิมสเทคเป็นประชาคมที่เข้มแข็ง ยืดหยุ่น และมีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น ในโอกาสนี้ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นประธานการประชุมดังกล่าวและประเทศสมาชิกที่เข้าร่วม ประกอบด้วย บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย เมียนมา เนปาล และศรีลังกา

รัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคได้ชื่นชมว่าการประชุมฯ ครั้งนี้เป็นประโยชน์ และเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนความเห็นต่าง ๆ อย่างเป็นกันเอง รวมทั้งเห็นพ้องถึงความจำเป็นที่จะส่งเสริมให้กรอบการดำเนินงานและกลไกความร่วมมือต่าง ๆ ของบิมสเทคมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อความเจริญเติบโตและความมั่งคั่งของภูมิภาค นอกจากนี้ ได้มีการหารือประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นข้อห่วงกังวลร่วมกันด้วย

ประเทศสมาชิกเห็นพ้องร่วมกันถึงความสำคัญของการสร้างกลไกในการตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ต่าง ๆ เพื่อประสานงานในภาวะฉุกเฉินตามสถานการณ์ที่แตกต่างกัน และได้หารือในประเด็นสำคัญต่าง ๆ เกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร สาธารณสุข พลังงาน และการเงิน รวมถึงความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ได้มีการพิจารณาที่จะจัดตั้งระบบการชำระเงินดิจิทัลระหว่างประเทศสมาชิกบิมสเทค รวมทั้งการส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ และการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ

รัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคได้ย้ำถึงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการประสานงานในประเด็นระดับโลกและประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสหประชาชาติ ประกอบด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความเชื่อมโยงโครงข่ายไฟฟ้าบิมสเทค เทคโนโลยีด้านการเกษตร ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนเยาวชน และการฝึกอบรมด้านการทูต

รัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทครู้สึกยินดีเมื่อได้รับทราบถึงความคืบหน้าของการจัดตั้งคณะผู้ทรงคุณวุฒิว่าด้วยการกำหนดทิศทางของบิมสเทคในอนาคต เพื่อกำหนดแผนดำเนินการขององค์กร บนพื้นฐานของผลประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศสมาชิกและประชาชน

รัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคเห็นพ้องที่จะจัดการประชุมฯ อย่างไม่เป็นทางการ เป็นประจำ โดยหากเป็นไปได้ จะจัดในช่วงไตรมาสแรกของทุกปี ทั้งนี้ อินเดียได้เสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีบิมสเทคครั้งต่อไปในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติในเดือนกันยายน ๒๕๖๖

ทั้งนี้ ไทยเป็นประธานบิมสเทคหรือกรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation) วาระปี ๒๕๖๕ – ๒๕๖๖ ภายใต้แนวคิดการเสริมสร้างบิมสเทคสู่การเป็นภูมิภาคที่มั่งคั่ง (Prosperous) ยั่งยืน ฟื้นคืน (Resilient) และเปิดกว้าง (Open) หรือ “PRO BIMSTEC” ภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๐

ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสบิมสเทค ครั้งที่ ๒๓

เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๖ ไทยในฐานะประธานบิมสเทคเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสกรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ หรือบิมสเทค (BIMSTEC) ครั้งที่ ๒๓ ผ่านระบบประชุมทางไกล โดยมีนายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานและนายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เข้าร่วมในฐานะเจ้าหน้าที่อาวุโสของไทย

ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าจากการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสฯ ครั้งที่ ๒๒ ในแต่ละสาขาความร่วมมือและพิจารณาประเด็นการจัดการและงบประมาณของสำนักเลขาธิการบิมสเทค โดยที่ประชุมได้เห็นชอบต่อร่างสุดท้ายกฎระเบียบสำหรับกลไกการดำเนินงานภายใต้กรอบบิมสเทค (Rules of Procedure for BIMSTEC Mechanisms) ที่จะวางกรอบให้บิมสเทคสามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบต่อร่างสุดท้ายของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเล (Agreement on Maritime Transport Cooperation) ซึ่งจะช่วยยกระดับความเชื่อมโยงทางทะเลภายในภูมิภาค

ไทยในฐานะประเทศนำเรื่องความเชื่อมโยงได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของสาขาความเชื่อมโยง (Connectivity) และสืบเนื่องจากการเห็นชอบต่อร่างสุดท้ายของ Agreement on Maritime Transport Cooperation ได้ผลักดันให้รัฐสมาชิกเร่งรัดการจัดทำเอกสาร Standard Operating Procedures ของร่างความตกลง โดยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะทำงานด้านความเชื่อมโยงด้านคมนาคมขนส่งบิมสเทค ครั้งที่ ๔ ในวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๖

นอกจากนี้ ไทยยังได้แจ้งที่ประชุมเกี่ยวกับแผนข้อเสนอของไทยที่จะเสนอให้มีการจัดตั้งสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจของบิมสเทค เพื่อยกระดับการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนภายในบิมสเทค โดยคาดหวังให้กลไกดังกล่าวช่วยเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนในภูมิภาค

การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสบิมสเทคเป็นกลไกการดำเนินงานหลัก มีหน้าที่รับผิดชอบการเตรียมการสำหรับการประชุมรัฐมนตรีบิมสเทค ซึ่งรวมถึงการติดตามความคืบหน้ารายสาขา และการเห็นชอบเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อการพิจารณาของที่ประชุมระดับรัฐมนตรี

ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับรัฐมนตรีบิมสเทค ครั้งที่ ๑๙

เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๖ ไทยในฐานะประธานบิมสเทคเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสาหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ หรือ บิมสเทค (BIMSTEC) ครั้งที่ ๑๙ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธาน และนายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจากระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมในฐานะผู้แทนไทย

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ย้ำว่าบิมสเทคจำเป็นต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อผลักดันให้บิมสเทคเป็นผู้เล่นในภูมิภาคที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกันและสามารถมีบทบาทนำในการส่งเสริมให้อ่าวเบงกอลเป็นภูมิภาคที่ปลอดภัย มั่นคง และมีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน ก็สามารถมีบทบาทและส่วนร่วมต่อประเด็นระดับโลก เช่น การพัฒนามนุษย์ การพัฒนาสีเขียว ตลอดจนประเด็นความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ ๒๐๓๐ (Bangkok Vision 2030) ซึ่งเป็นเอกสารระดับผู้นำที่ไทยนำเสนอ เพื่อกำหนดทิศทางความร่วมมือบิมสเทคสู่การเป็นภูมิภาคที่มั่งคั่ง (Prosperous) ยั่งยืน ฟื้นคืน (Resilient) และเปิดกว้าง (Open) ภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ นอกจากนี้ เอกสารดังกล่าวยังมุ่งส่งเสริมให้บิมสเทคเป็นภูมิภาคแห่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความยั่งยืนทางเศรษฐกิจโดยเป้าหมายในวิสัยทัศน์สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในกรอบสหประชาชาติ และโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทยด้วย

ที่ประชุมได้เห็นชอบเอกสารผลลัพธ์ เช่น วิสัยทัศน์กรุงเทพฯ ๒๐๓๐ (Bangkok Vision 2030) กฎระเบียบสำหรับกลไกการดำเนินงานภายใต้กรอบบิมสเทค (Rules of Procedure for BIMSTEC Mechanisms) และความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเล (Agreement on Maritime Transport Cooperation) โดยเอกสารเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการหารือในการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ ๖

กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดกิจกรรมรัฐศาสตร์วิชาการ “BIMSTEC on Tour x POL – SCI CMU”

เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดกิจกรรมรัฐศาสตร์วิชาการในหัวข้อ “BIMSTEC on Tour x POL – SCI CMU” ที่คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจหรือบิมสเทค (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation: BIMSTEC) ให้แก่นักเรียนและนักศึกษา มีผู้เข้าร่วมงานจากทั่วประเทศกว่า ๘๐๐ คน โดยมี นายรชา อารีพรรค ผู้อำนวยการกองส่งเสริมเศรษฐสัมพันธ์และความร่วมมือ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศเข้าร่วม และกล่าวเปิดงานร่วมกับรองศาสตราจารย์ ดร. ไพลิน ภู่จีนาพันธุ์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์

โครงการ BIMSTEC on Tour เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับบิมสเทค และบทบาทของไทยในฐานะประธานบิมสเทค โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียน นักศึกษาโดยภายในงานมีการแข่งขันตอบปัญหาวิชาการเกี่ยวกับบิมสเทค การแข่งขันโต้วาทีระดับมัธยมศึกษา และการแสดงทางวัฒนธรรมจากชมรมพื้นบ้านล้านนา รวมถึงการจัดนิทรรศการ ๒๕ ปีแห่งการสถาปนา BIMSTEC

กระทรวงการต่างประเทศโดยกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศมุ่งสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับบิมสเทคให้แก่สาธารณชน โดยเฉพาะเยาวชน นักเรียน และนักศึกษา เพื่อเป็นรากฐานไปสู่การส่งเสริมโอกาสและผลประโยชน์ของประเทศไทย รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเป็นประธานบิมสเทคของไทย

ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมการถาวรบิมสเทค ครั้งที่ ๖

เมื่อวันที่ ๑ – ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการถาวรบิมสเทค ครั้งที่ ๖ (the 6th Meeting of BIMSTEC Permanent Working Committee) ณ โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ เพื่อหารือกลไกความร่วมมือของบิมสเทค

ที่ประชุมได้ข้อสรุปเอกสารสำคัญ ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) กฎระเบียบสำหรับกลไกการดำเนินงานหลักภายใต้กรอบบิมสเทค (Rules of Procedure for Core BIMSTEC Mechanisms) (๒) กฎระเบียบสำหรับกลไกการดำเนินงานรายสาขาภายใต้กรอบบิมสเทค (Rules of Procedure for BIMSTEC Sectoral Mechanisms) (๓) กฎระเบียบสำหรับความสัมพันธ์ภายนอกของบิมสเทค (Rules of Procedure for BIMSTEC’s External Relations) และ (๔) ร่างขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะผู้ทรงคุณวุฒิว่าด้วยทิศทางในอนาคตบิมสเทค (Draft Terms of Reference for Eminent Persons’ Group on the Future Directions of BIMSTEC) โดยข้อสรุปต่อเอกสารข้างต้นจะช่วยกำหนดแนวทางในการดำเนินงานในอนาคตของบิมสเทคตลอดจนเสริมสร้างมาตรฐานกลไกการดำเนินงานเพื่อให้บิมสเทคมีโครงสร้างองค์กรที่เป็น แบบแผนและมีความต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือในกรอบบิมสเทคโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐสมาชิกจากโควิด-๑๙

การประชุมคณะกรรมการถาวรบิมสเทคเป็นกลไกการดำเนินงานหลัก มีหน้าที่รับผิดชอบประเด็นการบริหารและการเงินของสำนักเลขาธิการบิมสเทค และจัดเตรียมวาระการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสบิมสเทค นับตั้งแต่ไทยได้รับตำแหน่งประธานบิมสเทคเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๖๕ ไทยได้จัดการประชุมคณะกรรมการถาวรบิมสเทคแล้วถึง ๒ ครั้ง สามารถจัดทำเอกสารผลลัพธ์ที่สำคัญเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ประชุมจะได้เสนอต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสบิมสเทค ครั้งที่ ๒๓ และที่ประชุมรัฐมนตรีบิมสเทค ครั้งที่ ๑๙ โดยมีกำหนดจะจัดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมนี้ การประชุมที่จัดขึ้นโดยไทยได้รับคำชื่นชมจากรัฐสมาชิกและสำนักเลขาธิการบิมสเทคเป็นอย่างมาก ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีและนำไปสู่ความร่วมมือที่ใกล้ชิดมากขึ้น